-Grace_kp6 Milk powder – W.
Chaeyoung old 20.
Tzuyu old 20.
เห้อ,ทิ้งตัวลงบนม้านั่งตัวนึงในสวนสาธารณะ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันเดินมานั่งทิ้งตัว ทิ้งความเครียด ในสวนสาธารณะแห่งนี้
คนอายุยี่สิบเท่าฉันเขาจะมีเรื่องเครียดกันบ้างไหมนะ ฉันน่ะมีเรื่องเครียดเต็มหัวไปหมดเลย บางทีก็ต้องใช้ยามาสงบสติตัวเอง กลางคืนก็มักชอบนอนไม่หลับ พอหลับก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาประจำ ฉันกลัวการไปหาหมอ…
“ค่ะแม่,แชงยังหางานไม่ได้เหมือนทุกวันนั้นละค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงหรอก รู้แล้วน๊า~จะวางได้ยังละคะ แชงเมื่อยแล้วนะ”
ที่นั่งข้างๆถูกเด็กผู้หญิงคนนึงทิ้งตัวลงมาอย่างแรง จนทำให้ฉันที่นอนหลับตาอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมา
“ขอโทษทีค่ะที่ทำให้คุณตื่น”เธอมองฉันก่อนจะพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่งีบเฉยๆ”
เอาตรงๆก็คือเกือบหลับแล้วนั้นละ
“พวกผู้ใหญ่เนี่ยชอบสั่งชอบจู้จี้กันจังเลยเนาะ บางทีก็อยากได้อะไรจากฉันก็ต้องทำให้ได้ ตัวอย่างเช่น ฉันที่พึ่งเรียนจบ วันรุ่งขึ้นเขาก็เร่งให้ฉันหางานเลย”
เธอพูดกับฉันหรอ ฉันควรฟังไหมอะ,ขนาดตัวเองยังเอาไม่รอด
“พึ่งเรียนจบหรอคะ เหมือนกันเลย”
“ฉันควรได้อยู่ในวัยมหาลัยไม่ใช่มาหางานสักหน่อย”
“ฉันก็อยากต่อมหาลัยนะ”
“ไม่ใช่ว่าเขาส่งฉันเรียนมหาลัยไม่ได้นะ แต่เขาอยากให้ฉันลองออกมาหางานทำควบกับทำงานไปด้วย เหนื่อยอะ, ไม่เอาหรอก”
เรื่องตัวเองก็ปวดหัวพออยู่ละ ต้องมานั่งฟังคนไม่รู้จักโตนี่อีก
ลุกขึ้นยืน
“ไปไหนอะ”
“เออ….เดินไปเรื่อยๆค่ะ อากาศกำลังดี อยากพักสมองค่ะ”
“ไปด้วยสิคะ ฉันก็อยากเดินพักสมองวันนี้ฉันรับสายแม่ทั้งวันเลย”
นี่ฉันกำลังเดินหนีเธออยู่นะยัยเปี้ยก
“ลองไปคุยให้รู้เรื่องบอกจุดประสงค์ บอกความสามารถหรือบอกที่ตัวเองพอทำได้หรือทำไม่ได้กับเขาดูค่ะ”
“เคยลองแล้วค่ะ เขาไม่เชื่อฉันเลย”
“แสดงว่าคุณดื้อละมั้งแต่ก่อน”
“(เงียบไปพักนึง) เดาถูกนะคะ”
“ใครๆก็เคยแย่ในสายตาผู้ปกครองเสมอแหละค่ะ แค่มากหรือน้อย ก็ไม่รู้ว่าคุณแสบขนาดไหนแต่ฉันก็เอาใจช่วยนะ ลองกลับไปคุยกับเขาดูอีกรอบค่ะ พกความมั่นใจเต็มร้อยไปเลย ว่าคุณทำควบกันน่ะไม่ไหว ถ้าฝืนก็อาจพังทั้งเรียนทั้งงานอะไรแบบนี้”
ฉันก็แย่ไม่ต่างกันหรอกนะ แต่ฉันก็จะพยายามช่วยพูดคุยให้เธอเข้าใจครอบครัวกับตัวเธอเองละกัน
“ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไร”
“แล้วเธอมีเรื่องเครียดมั้งหรือเปล่า เล่าให้ฉันฟังได้นะ แลกเปลี่ยนกัน”
“ไม่มี”
ไม่มีก็แย่ละ,แค่ไม่รู้จะบอกเธอไปทำไม เหมือนจะช่วยอะไรก็ไม่ได้สักนิด ตัวเธอเองยังเอาตัวไม่รอด
“แล้วอยากทำงานอะไรละ”
“ไม่รู้เลยยังไม่ได้คิดเอาไว้ ขี้เกียจหาแล้วด้วย ที่ไปหามาก็เหนื่อยๆทั้งนั้นอะ อยากได้สบายๆ”
“งอแงจังเลย,งานทุกงานมันก็มีเหนื่อยทั้งนั้นละ แค่เธอจะไปเจอความเหนื่อยแบบไหน เท่าที่ฟังมาเธอเรื่องมาก มากๆเลยนะ นั้นก็บ่นนี้ก็บ่นไปเรื่อย ฉันที่นอนอยู่ก็สะดุ้งตื่นเพราะเธอ แล้วก็เลิกเดินตามได้ละ ฉันจะกลับบ้าน เราไม่ได้รู้จักกันขนาดนั้นที่จะมาเดินตามต้อยๆนะคะ”
…..
ฉันพูดเกินไปหรือเปล่านะ
“ขอโทษนะคะที่ทำให้ลำบากใจ”เธอเบะ สีหน้าเล็กน้อยก่อนจะก้มหัวให้ฉันเป็นการขอโทษ แล้วหันหลังเดินกลับไปทางเดิม
ฉันมองเธอที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ
ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนิ แต่ทำไมรู้สึกผิดลึกๆอะ โว้ะ,แค่เรื่องเครียดตัวเองก็มากพอ ไม่อยากใส่ใจอะ
ตึ้ดดดดดด,เสียงมือถือส่งเสียงสั่นเป็นทางยาว มีคนโทรมา
“ฮัลโหลค่ะ”
-จะหนีหน้ากันไปถึงไหนจื่อวี-
“เปล่าค่ะแค่ไม่อยากเจอ”
-โจวจื่อ เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วนะ ยังไม่หายโกรธอีกหรอไง-
“แค่นี้นะคะพี่ซานะ”
-เดี๋ย———–
.
..
“ไอติมไหม”เสียงเล็กเรียกฉันจากด้านหลัง
“เธอ?!”
“กินก่อนสิ ไอติมรสสตอเบอร์รี่น่ะ อร่อยนะ”
“….(รับมาอย่าง งุนงง)”
“เจอรถเข็นแถวนี้น่ะเลยซื้อมาฝาก”
“ไปนั่งใต้ต้นไม้ก่อน ตรงนี้แสงเริ่มมาแล้ว ,ร้อน”
คนตัวเล็กดูเชื่อฟังฉันอย่างว่าง่าย เธอวิ่งไปจับจ้องร่มเงาใต้ต้นไม้ก่อนที่ฉันจะเดินไปนั่งข้างๆ
“เมื่อกี้นี้น่ะ…..ขอโทษที่พูดไม่ดีใส่นะ ฉันแค่มีเรื่องเครียดสะสมน่ะเลยเผลอเหวี่ยงใส่เธอ”
“ไม่โกรธหรอก ฉันก็ผิดอะที่ทำตัวน่ารำคาญกับคนแปลกหน้า”
“แล้วไปซื้อไอติมมานี่ไม่กลัวเดินกลับมาไม่เจอฉันเดินไปถึงไหนต่อไหนแล้วหรอไง”
“ก็กินสองอันไง”
“อ่อ”
“พูดเล่น,ตอนฉันซื้อฉันก็ชะเง้อดูเธอ ก็เห็นเดินไปไม่ไกลก็เลยว่าจะซื้อมาให้ ตอนที่ฉันเดินหนีเธอมา คำพูดเธอก็ทำให้ฉันคิดมาได้บ้างนะ ก็อยากขอบคุณมากๆเลย”
“อืม ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็อยากขอบคุณเรื่องไอติมเหมือนกัน”
“อย่าหาว่าฉันทำตัวน่ารำคาญใส่นะ เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณมีเรื่องเครียด ระบายให้ฉันฟังได้นะคะ ถึงแม้จะช่วยอะไรไม่ได้”
“555555”
“คะ ไอติมเลอะหน้าฉันหรอคะ”เช็ดริมฝีปาก
“ป่าว,แค่ขำอะไรเรื่อยเปื่อย”
คนบ้าอะไรกันรู้ว่าช่วยอะไรไม่ได้ก็อยากช่วย
“นะคะ ฉันอยากให้เธอหายเครียดเหมือนจะมีเยอะแน่เลย ดูจากที่คุณเหวี่ยง”
“ไม่เกี่ยวหรอก เดามั่วอะ”
“งั้นถ้าคุณไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอาจยุ่งเรื่องของคุณเกินไป ขอโทษนะคะ”
“คิดมากจังเธอ”
“แล้วคุณชื่ออะไรหรอคะฉันซนแชยอง”
“โจวจื่อวีน่ะคนใต้หวัน”
“โหววว,เป็นคนใต้หวันหรอเนี่ย แต่คุณพูดเกาหลีคล่องปรือเลยอะ”
“ขอบคุณนะที่ชม แต่ก็คงพูดได้แบบขั้นพื้นฐานพอจะสื่อสารได้นั้นละ”
“แล้ว,มาเที่ยวเกาหลีหรอคะ ไปเที่ยวไหนมาแล้วมั้งหรอคะ ฉันแนะนำได้นะ”
“เปล่าค่ะ มาอยู่เกาหลีเลยค่ะไม่ได้มาเที่ยว”
“โว้วว,เจ๋งไปเลย”
“เจ๋งอะไร”
“เป็นฉันน่ะไปอยู่ที่ไกลๆจากครอบครัวฉันลำบากแน่ คงนอนร้องไห้ทุกคืน ว่าแต่คุณมีงานทำแล้วใช่ไหมคะเนี่ยอยู่มานานแค่ไหนแล้ว”
“ก็กว่าจะผ่านมาได้ก็แย่อยู่ภาษาก็ไม่ได้ เพื่อนก็ไม่มี เรื่องงานน่ะไม่มีหรอกค่ะแม่ส่งเงินมาให้ตลอด แต่ที่มาอยู่เกาหลีนานๆเพราะฉัน (บอกได้ไหมนะ) คือว่าถ้าบอกไปอย่าไปบอกใครนะ ฉันเป็นเด็กฝึกเจทัพพีน่ะค่ะ”
“ว้าวววว คุณเป็นเด็กฝึกค่ายเจทัพพีหรอ สุดยอดกว่าเดิมอีก!!”
“อ่าค่ะ”
“ฉันแร็ปได้นะ คุณอยากฟังเปล่า”
“ฉันไม่ใช่คนตัดสินนะ อยากเข้าค่ายก็ไปกรอกใบสมัครสิ”
แววตาใสจดจ้องมาที่ฉัน อยากให้ฉันพาไปสมัครสินะ นี่จะมาช่วยเพิ่มหรือลดความเครียดฉันวะเนี่ย
“โอเคร”
“ดีจัง!! ”
คนตัวเล็กโผล่กอดฉันแน่น
“อย่าบอกนะว่าถ้าเข้ามาเป็นเด็กฝึกเธอกะว่าจะไม่เอาทั้งเรียนทั้งงานทั่วไป เฮ้,ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะได้เดบิ้วหรือเปล่าเลยอยู่มาสองปีกว่าแล้วด้วย แล้วเดบิ้วไปก็ไม่รู้อีกว่าจะโด่งดังขึ้นไหม ฉันไม่อยากพาเธอไปซวยด้วยหรอกนะ”
“ไม่เป็นไร ฉันเชื่อว่ายังไงพวกเราก็ต้องได้เดบิ้ว!!”
“พวกเรา? นี่อย่าบอกนะว่าเธอจะมาอยู่กับฉันอีกน่ะ ตามติดเกินไปแล้วนะ”
“=3=.”
“เห้อ,โลกวงการบันเทิงบางทีก็เครียดนะ ขนาดฉันเป็นแค่เด็กฝึกสองปีกว่าฉันยังเครียดจนใช้วิธีกินยาเพื่อระงับเลย บางทีนอนก็น้อย พอนอนๆอยู่ก็ชอบสะดุ้งตื่น จากบ้านมาก็ตั้งไกลเต้นก็ใช้เวลาเกือบค่อนวัน แถมยังโดนควบคุมอาหารอีกยังมีอะไรอีกหลายอย่างนะ ที่มันทำให้ฉันเครียดมาก
แต่เพราะมันเป็นความฝันของฉันตั้งแต่เด็กแล้ว ฉันจะท้อก็ไม่ได้ถึงแม้ร่างกายจะท้อก่อนก็เถอะ ฉันเชื่อว่าสักวันฉันจะผ่านไปได้”
“เธอทะเลาะกับแฟนด้วยมีมั้งเปล่า”
เป็นคำพูดที่ทำเอาฉันเขว้เล็กน้อย
“มีสินะ”
“แอบฟังหรือเดากันละเนี่ยถ้าเดาก็จะชมนะว่าเก่งมากแต่ถ้าแอบฟังฉันจะโกรธ”
“ก็เดินมาถึงด้านหลังเธอตอนเธอพูดว่าแค่นี่นะกับคนชื่อซานะ ดูแล้วน่าจะแฟน”
“เรื่องนั้นไม่มีอะไร”
“ไม่รู้นะคะว่าคุณกับแฟนเจออะไรกันมา แต่ฉันอยากให้คุณแข็งแกร่งมากๆค่ะ เรื่องเครียดมันห้ามกันไม่ได้ฉันเข้าใจค่ะ,แต่ที่ฉันบอกให้คุณแข็งแกร่งคือ คุณเครียดเรื่องตัวคุณอยู่แล้วและถ้าคุณยังเก็บเรื่องแฟนมาคิดเพิ่มอีก ฉันกลัวว่าฉันจะอดเห็นคุณยืนอยู่บนเวทีเป็นนักร้อง ฉันกลัวคุณเครียดจนท้อใจกลับใต้หวัน ฉันไม่อยากให้คุณกลับค่ะ ฉันว่าฉันอยากเห็นคุณอีก”
คนเรามันจะเข้มแข็งได้แค่ไหนกันเชียว
คนตัวเล็กที่เคยสวมกอดฉัน ตอนนี้เปลี่ยนสถานะมาเป็นคนที่โดนฉัน สวมกอดแทน
“อึดอัดอ๊าาาาา”
ฉันแหกปากออกมาเหมือนคนอัดอั้นที่กลั้นไว้ไม่อยู่
“(เธอเอื้อมมื
อมาโอบกอดฉันเหมือนกัน) ขออนุญาตนะคะคุณจื่อวี ”
เราสองคนต่างฝ่ายต่างกอดกันอยู่อย่างนั้นสักพัก
ตึ้ดดดดด,เสียงโทรศัพท์สั่นมาจากของแชยอง
“อะต้องกลับบ้านแล้วละค่ะ ต้องขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณนะคะทุกอย่างและขอโทษเช่นกันนะคะ”
ฉันโบกมือลาเธอก่อนจะลุกขึ้นเพื่อจะเดินกลับที่พักเช่นกัน เรื่องเครียดมันก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวฉันนะแต่กลับรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
ตึ้ดดดด,เสียงโทรศัพท์สั่นมาจากของฉันเอง
พี่ซานะ//
.
ถ้าสิ่งไหนมันทำให้ไม่สบายใจก็อย่าไปสนใจ
ฉันอยากเห็นคุณอยู่ที่นี่นานๆ
ฉันยังอยากเห็นคุณ
.
“แชยอง!! รอด้วย!!”
ฉันหันหลังกลับไปก่อนจะตะโกนเรียกเธอ
“เอ้ะ มีอะไรหรอคะ”
วิ่งไปหา
“ฉันขอเดินไปส่งเธอที่บ้านนะ มีเรื่องเยอะแยะมากมายเลยที่อยากเปิดใจคุยด้วยน่ะ”
“งั้นหรอคะ ดีเลยฉันก็ยังอยากคุยกับจื่อวีเหมือนกัน”
.
บล็อคเบอร์ติดต่อซานะเรียบร้อย
.
ขอบคุณนะพี่ซานะถ้าพี่ไม่ทิ้งฉัน ฉันก็อาจจะไม่ได้มาเจอซนแชยอง
ขอบคุณที่ฉันเลือกมาเกาหลี
ขอบคุณที่ร่างกายฉันพาสังขารมาที่สวนสาธารณะ
ขอบคุณที่แชยองมานั่งข้างฉัน
ขอบคุณมากนะคะ
-end-🍓🐶
ง้ากกกกก จื่อแชงน่ารักชะมัดเลย น้องแชงนี่ยัยตัวร้ายชะมัด น้องจื่อก็ซื่อจัง 5555+